KM ด้านการเรียนการสอน 2567

คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
จัดโครงการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประจำปีการศึกษา 2567 (Knowledge Management: KM) ณ
ห้องประชุม PR Event คณะนิเทศศาสตร์ ชั้น 11 อาคารเกษมนครา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ร่มเกล้า
ระหว่างวันที่ 21 ก.พ. – 7 มี.ค. 2568 เวลา 13.00-15.30 น. ห้องประชุม PR Event คณะนิเทศศาสตร์
ชั้น 11 อาคารเกษมนครา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ร่มเกล้า
1. การใช้ AI ช่วยเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียน

1.1. การใช้ AI
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสอนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์การเรียนรู้ตามที่คาดหวังทั้งของผู้เรียนและผู้สอนสิ่งสำคัญคือ
ครูต้องปรับตัวให้ทันเพราะ AI ถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ ครูต้องสอนกระบวนการใช้ AI ให้นักศึกษา
โดยเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนแต่ละวิชาซึ่งมีธรรมชาติแตกต่างกัน ครูต้องรู้เท่าทันในการนำ AI มาใช้ประโยชน์
รู้ขอบเขตของการใช้ AI ในการทำงานการเรียนการสอนเพื่อให้ AI ช่วยจะอำนวยความสะดวกมากขึ้น
ช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.2. การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสอนด้านนิเทศศาสตร์ ใช้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
แต่ยังต้องให้ความสำคัญว่า AI เป็นเพียงผู้ช่วยเสริมการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือทดแทน
เพราะการเรียนรู้ด้านนิเทศศาสตร์อาศัยการคิด วิเคราะห์ ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อออกแบบการสื่อสาร
ทั้งที่เป็นเนื้อหาสารและสื่อประเภทต่างๆ เพื่อให้เกิดชิ้นงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ
ที่โดดเด่นและแตกต่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

1.3. การใช้ AI
ช่วยเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนในการเรียนการสอนด้านนิเทศศาสตร์สามารถเลือกใช้ได้หลายตัว เช่น ใช้ DALL-E, MidJourney สร้างภาพประกอบการสอน ใช้ Synthesia, HeyGen ทำวิดีโอ AI สำหรับการบรรยาย

ใช้ Chat GPT ช่วย GEN สถานการณ์ทางสังคมที่จะนำมาเป็นกรณีศึกษาให้ผู้เรียน และใช้หา Case Study

ในประเทศและใช้ GAMMA ช่วยสร้าง PowerPoint, Infographic ใช้ Chat GPT ออกแบบเครื่องมือสำหรับสำรวจตลาด

1.4. การออแบบกระบวนการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสอนด้านนิเทศศาสตร์ AI
ช่วยออกแบบได้หลายแนวทาง เช่น ใช้ AI ช่วยออกแบบการสอนและการเรียนรู้ในแต่ละสัปดาห์ ทำให้รู้ว่า
ควรเรียงลำดับเนื้อหาการสอนให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ให้ไม่น่าเบื่อและน่าสนใจมากขึ้นอย่างไร

1.5. การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่ใช้ AI เป็นส่วนเสริมสามารถออกแบบกิจกรรมเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนใช้ AI
แบบมีร่วมได้ เช่น การใช้ AI ช่วยตั้งคำถาม วิเคราะห์ประเด็น หรือสร้างเนื้อหา เช่น ใช้ AI
เพื่อเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์สำหรับงานโฆษณา การสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือรณรงค์สังคม
ใช้ AI ช่วยหาไอเดียสร้างประสบการณ์เรียนรู้ให้ผู้เรียน

1.6. AI สามารถช่วยผู้สอนออกแบบกระสบการณ์เรียนรู้ให้ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพราะทำได้สะดวก รวดเร็ว ค่อนข้างตรงตามโจทย์หรือความต้องการที่ผู้เรียนต้องการ หรือเรียกได้ว่าสามารถใช้
AI ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนในการคิดโจทย์เพื่อการเรียนรู้ในวิชานั้นๆ ได้หลากหลายขึ้น
แต่ต้องขึ้นอยู่กับการใช้คำสั่งว่าครอบคลุมหรือเพียงพอที่ AI จะสามารถทำให้ได้หรือไม่อย่างไร

2. การใช้ AI ช่วยค้นหาข้อมูลสำหรับใช้ในการเรียนการสอน

2.1. เนื้อหาข้อมูลที่ให้ AI ช่วยหาขึ้นกับคำสั่งที่ป้อนไปด้วยว่าต้องการอะไร
และเมื่อได้ข้อมูลแล้วควรกลั่นกรองและนำมาปรับใช้บางส่วนเท่านั้นเพราะไม่ได้ใช้ได้ทั้งหมด

2.2. แนวทางการใช้ AI เพื่อช่วยค้นหาข้อมูลมีหลายแนวทาง ได้แก่ ใช้ช่วยหา Idea,
ช่วยสร้างหรือจำลองสถานการณ์, ฉาก, storyboard, สร้างเนื้อหา เช่น บทพูด, วิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น

2.3. เนื้อหาที่ให้ AI ช่วยค้นเพื่อช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมีทั้งเนื้อหาที่เป็น data, information,
opinion, knowledge, news, article, research paper

2.4. รูปแบบของเนื้อหา มีหลากหลาย อาทิ เช่น text, image, video, script, movie, short film,
PowerPoint

2.5. ข้อมูลที่ได้จาก AI บางตัวช่วย update เนื้อหา บริบทด้านวิชาชีพ วิชาการทางนิเทศศาสตร์
ทำให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัย รอบด้าน

2.6. AI ที่เหมาะในการใช้ค้นหาข้อมูลเพื่อช่วยการเรียนการสอน เช่น ChatGPT, Midjourney, Synthesia,
Descript, Claude, Gemini, Copilot, Grammarly, Canva, Perplexity เป็นต้น

3.การใช้ AI ช่วยออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน

3.1. AI ถูกนำมาใช้ช่วยสร้างข้อสอบ (Test & Quiz Generation) ใช้ AI ช่วยคิดโจทย์แบบ Multiple Choice,
Fill-in-the-Blank, Essay ใช้ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อสอบ ช่วยตรวจและให้คะแนน (AI Grading &
Feedback) วิเคราะห์คำตอบของนักศึกษา และfeedbachอัตโนมัติ ช่วยการประเมินความก้าวหน้า (Student
Performance Analysis) สามารถติดตามพัฒนาการของนักศึกษา และแนะนำจุดที่ควรปรับปรุง

3.2. การใช้ AI ช่วยเรื่องการวัดประเมินผล ผู้สอนควรเป็นหลักในการคิดข้อสอบและวิธีการวัดประเมินผล ใช้
AI เป็นตัวช่วยเท่านั้นเพราะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความโปร่งใสตรวจสอบได้
วัดประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ตรงกับที่ผู้สอนและหลักสูตรกำหนด
ระวังเรื่องความลำเอียงที่มาจากข้อสอบและการให้คะแนน

3.3. การเขียนคำสั่งเพื่อให้ AI ช่วยออกแบบวิธีการวัดและประเมินผล
ผู้สอนควรมีทักษะการใช้คำสั่งและลองทำหลายๆ วิธีเพื่อให้ได้คำสั่งที่เหมาะสมที่สุด รวมถึงไม่ควรใช้ AI
ช่วยออกแบบวิธีการวัดและประเมินผลทุกวิธี เนื่องจากการเรียนการสอนด้านนิเทศศาสตร์
เกี่ยวข้องกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการฝึกทักษะของนักศึกษาที่ต้องใช้ทักษะความเป็นมนุษย์ในการคิด
วิเคราะห์ สื่อสารค่อนข้างสูง

4. กฎหมายและจริยธรรมการใช้ AI ในการทำงานด้านนิเทศศาสตร์

4.1. ต้องใช้ AI อย่างรู้เท่าทัน ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือจริยธรรม

4.2. อาจารย์ต้องสอนนักศึกษาให้มีจิตสำนึกในการใช้ AI ใช้อย่างรับผิดชอบและกลั่นกรองข้อมูลเสมอ

4.3. AI สร้างงานเร็วแต่มีความเสี่ยงด้านกฎหมาย เช่น ลิขสิทธิ์และข้อมูลส่วนบุคคล

4.4. ย้ำเตือนนักศึกษาอย่าไว้วางใจ AI มากเกินไป อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด

4.5. แนวทางปฏิบัติจากหน่วยงานวิชาชีพด้านนิเทศศาสตร์การใช้ AI
ในงานนิเทศศาสตร์ต้องมีเกี่ยวข้องกำกับดูแลการใช้ เช่น บรรณาธิการหรือหัวหน้าข่าวหากใช้ผิดจรรยาบรรณ
อาจถูกฟ้องร้องทางกฎหมายได้

4.6. หากเนื้อหาที่ใช้ AI สร้างเผยแพร่ออกไปแล้วผิดจรรยาบรรณ ผู้ผลิตเนื้อหาต้องรับผิดชอบ
ดังนั้นต้องตรวจสอบแหล่งข้อมูลก่อนนำไปใช้จริงในงานข่าวหรือสื่อ

4.7. แนวปฏิบัติในประเทศไทย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติกำหนดกรอบการใช้ AI
มาแล้วอาจารย์ควรนำหลักเกณฑ์มาสอดแทรกในรายวิชาที่ให้นักศึกษาผลิต content หรือใช้ AI ในการผลิตงาน

4.8. การใช้ AI ในรายวิชา ควรฝึกให้นศ.ให้เครดิต อ้างอิงแหล่งที่มา หากนักศึกษาใช้ AI สร้างข้อมูลหรือภาพ
ต้องระบุว่าใช้ AI อะไร และแหล่งที่มา

4.9. ควรแนะนักศึกษาให้ใช้ AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่พึ่งพาอย่างเดียว

4.10. AI อาจ นำข้อมูลจากแหล่งที่มีลิขสิทธิ์ มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ควรใช้ AI ที่มีการกำกับดูแลด้านลิขสิทธิ์
เช่น Adobe Firefly

4.11. AI อาจสร้างเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องหรือ Bias และอาจพบว่านักศึกษาใช้ AI ในทางที่ผิด เช่น
เขียนงานแทนตนเอง ผู้สอนควรมีหลักเกณฑ์กำกับการใช้ AI ในการเรียนการสอนด้วย

5.ปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไขการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสอน

5.1. ควรใช้ AI อย่างระมัดระวัง
รู้เท่าทันและบูรณาการร่วมกับการคิดวิเคราะห์ของผู้สอนและผู้เรียนด้วยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ

5.2. อาจารย์ควรให้งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ควบคู่กับการใช้ AI

คววรส่งเสริมการเรียนรู้เชิงวิเคราะห์และสร้างสรรค์

5.3. หากจำเป็นต้องใช้ AI นักศึกษาควร ใช้ AI ร่วมกับการคิดวิเคราะห์
ควรมีการออกแบบกิจกรรมที่กระตุ้นให้คิด ไม่ใช่ให้ AI ทำแทนทั้งหมด

5.4. การอ้างอิงแหล่งที่มาและการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากนักศึกษาใช้ AI ควร ระบุว่าใช้เครื่องมือใด
และตรวจสอบข้อมูลก่อนนำมาใช้

5.5. AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยกระบวนการสอนและสร้างการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
อาจารย์ควรมีกลยุทธ์การสอนที่เหมาะสม เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาการเรียนรู้

5.6. ข้อพึงระวังหากให้ใช้ AI มากเกินความจำเป็น นักศึกษาอาจใช้ AI โดยไม่ตรวจสอบหรือเรียบเรียงเอง
ขาดการคิดวิเคราะห์และดึงตัวตนของผู้เรียน ทำให้งานไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือข้อเท็จจริง

5.7. อาจารย์ต้องเรียนรู้ AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทรายวิชา
และสอนให้นักศึกษารู้เท่าทัน AI

5.8. การใช้ AI ควรมีจรรยาบรรณและอ้างอิงแหล่งที่มา โดยเฉพาะการผลิตชิ้นงานที่ต้องเผยแพร่สู่สาธารณะ
เช่น ข่าว โฆษณา หรือบทความ

5.9. AI บางชนิดให้ข้อมูลไม่แม่นยำหรือน่าเชื่อถือ
ผู้ใช้ต้องใช้วิจารณญาณและฝึกนักศึกษาให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้งานจริง
และบางวิชายังไม่เหมาะกับการใช้ AI เช่น วิชาการนำเสนอ หรือฝึกบุคลิกภาพ ที่ต้องใช้ทักษะจากตัวผู้เรียนเอง

5.10. อาจารย์อาจต้องแนะนำการใช้ Prompt อย่างถูกต้องเพื่อให้นักศึกษารู้วิธีสื่อสารกับ AI
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.11. ควรเลือกใช้วิธีประเมินผลที่หลากหลายเพื่อป้องกันการพึ่ง AI เกินไป เช่น การนำเสนอหน้าชั้น
การสอบปากเปล่า และการปฏิบัติจริง

5.12. ควรมีการส่งเสริมการใช้ AI
ไปยังอาจารย์ทุกคนในหลักสูตรเพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันและเตรียมพร้อมรับมือกับบทบาท AI
ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต