KM ด้านการวิจัย 2566
ด้านการวิจัย 2566
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต จัดโครงการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประจำปีการศึกษา 2566
(Knowledge Management: KM) ณ ห้องประชุม KM คณะนิเทศศาสตร์ ชั้น 11 อาคารเกษมนครา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
ด้านการวิจัย เรื่อง “การต่อยอดงานวิจัย/งานสร้างสรรค์และประสบการณ์ทำงานสู่การเขียนบทความด้านนิเทศศาสตร์”
ระหว่างวันที่ 11 ม.ค.67 – 27 มี.ค. 67 เวลา 14.00-16.00 น. ณ ห้องประชุม คณะนิเทศศาสตร์ ชั้น 11 อาคารเกษมนครา ร่มเกล้า
สรุปประเด็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการวิจัย เรื่อง “การต่อยอดงานวิจัย/งานสร้างสรรค์ และประสบการณ์ทำงานสู่การ
เขียนบทความด้านนิเทศศาสตร์” ดังนี้
ความแตกต่างระหว่างบทความวิจัยกับบทความวิชาการ
1. การเริ่มต้นการเขียนบทความวิชาการให้นิยามของบทความวิชาการว่ามีความคล้าย Baby research อยู่ในนั้น ซึ่งบทความ
วิชาการเสมือนการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิชาการในเรื่องนั้น ๆ บทความวิชาการจะอธิบาย/วิเคราะห์อะไรบางอย่าง โดย
เน้นทางวิชาการ กว่าจะมาถึง นำความรู้/ทักษะที่ตกผลึก (ถอดประสบการณ์) และมีสมมติฐานทางวิชาการด้วยเนื่องจาก
เป็นงานวิชาการที่ต้องอาศัยหลักการอนุมานเชิงวิชาการหรือการอนุมานที่ได้จากการค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2. ส่วนการเขียนบทความวิจัยจะมีประเด็นในการเขียนค่อนข้างชัดเจนเหมือนการเขียนให้เห็นกระบวนการวิจัยและผลการวิจัย
เช่น ชื่อเรื่องวิจัย นิยมใช้ชื่อเรื่องวิจัยหรืออาจปรับเล็กน้อยให้มีคำสละสลวยในเชิงบทความ ที่มาของการทำวิจัยวัตถุประสงค์ สมมติฐาน (ถ้ามี) นิยามศัพท์ ประโยชน์งานวิจัย แนวคิด ทฤษฎี เรียบเรียบเฉพาะแก่นที่สำคัญที่นำมาใช้ใน
งานวิจัยและนำมาอภิปรายผล วิธีการวิจัย เขียนให้ครบตามระเบียบวิธีวิจัยที่ทำ และผลการวิจัย อภิปราย ข้อเสนอแนะ
การถอดความรู้จากการปฏิบัติงานสู่งานวิชาการ (งานวิจัย เอกสารประกอบการสอน บทความเผยแพร่) :
1. การถอดความรู้จากการปฏิบัติสู่งานวิชาการนั้น นอกจากเป็นการบริการวิชาการแล้ว ยังเป็นงานสร้างสรรค์ ตลอดจนเป็น
การ Practice led to Research (การปฏิบัติถอดความรู้สู่งานวิจัย/งานสร้างสรรค์)
2. แบบที่ 1 งานสร้างสรรค์เป็นลักษณะอธิบายกระบวนการสร้างสรรค์งาน เช่น การออกแบบโลโก้ เครื่องแต่งการ การ
แต่งหน้า ออกแบบชุดการแสดง ตัวอย่างงานสร้างสรรค์ 1) การออกแบบเครื่องประดับสำหรับสตรีแรงบันดาลใจจากปลา
กัดไทย ภายใต้แบรนด์ “ตรีครีบ” 2) การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ่อปลาทอง อำเภอปักธงชัย
จังหวัดนครราชสีมา 3) การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์ไทยร่วมสมัย เจ้าชู้ยักษ์
3. แบบที่ 2 งานสร้างสรรค์เป็นลักษณะที่สร้างความรู้ใหม่ (ทดลอง) ตัวอย่างงานสร้างสรรค์ 1) การสร้างสรรค์จิตรกรรมวัสดุ
ผสมแรงบันดาลใจจากท้องทะเล 2) การออกแบบเครื่องเรือนจากเส้นพลาสติก โดยการประยุกต์ใช้ลวดลายหัตถกรรมจัก
สานพื้นบ้านอีสาน นอกจากนั้นยังมีงานสร้างสรรค์ลักษณะทางศิลปะ เช่น การใช้สีผสมกับดิน เพื่อสื่อความหมายถึงความ
แห้งแล้ง เป็นต้น
4. แบบที่ 3 งานสร้างสรรค์เป็นลักษณะของการแสดง ตัวอย่างงานสร้างสรรค์ เดอะ รัดแกรนด์ คาบาเรต์ : การสร้างสรรค์
ละครเวทีเพื่อสะท้อนการลดทอนคุณค่าของความแตกต่างทางเพศ
5. โดยสรุปการเขียนบทความวิชาการที่ได้จากการทำงาน เขียนได้จากความรู้/ทักษะที่ตกผลึก หรือถอดประสบการณ์จากการ
ทำงาน มีเนื้อหาประกอบด้วย Data, Evidence, Argument ใช้แนวทาง Practice Led Research
แนวทางการเขียนบทความวิชาการจากประสบการณ์การสอนประสบการร์การทำงาน (วิจัย บริการวิชาการ ศิลปวัฒนธรรม) :
1. ใช้เทคนิคการคิดหัวข้อบทความวิชาการ คือ จากความสนใจ จากการเตรียมสอน จากการทำวิจัยมาก่อนหน้านี้ หรือ
งานวิจัยที่ทำเพื่อจบการศึกษา หรือเขียนจากประสบการณ์การทำโครงการบริการวิชาการ การผลิตงานสร้างสรรค์ทางนิเทศ
ศาสตร์ หรือจากโจทย์-ประเด็นของวารสารที่กำหนดให้ เป็นต้น
2. วางกรอบการเขียน โดยใช้หลัก K – Knowledge / O- Objective/ A – Area / T-Time สร้างโครงร่างบทความ
(Framework) ออกมาให้ได้ก่อน ตัวอย่างบทความ
โดยมีตัวอย่างนำเสนอดังนี้
– บทความเรื่อง “การถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาด้วยเทคนิค Bullet Time Shot กรณีศึกษาผ้าอนามัยแบบ
กางเกง” K คือ ภาพยนตร์โฆษณา / O คือ การถ่ายทำด้วยเทคนิค BTS / A คือ กรณีศึกษาผ้าอนามัยแบบ
กางเกง / T ยังไม่ปรากฏ
– บทความเรื่อง “การปรับเปลี่ยนของโมเดลลิ่งไทยในยุคดิจิทัล” K คือ โมเดลลิ่ง / O คือ การปรับเปลี่ยน / A
คือ ไทย และ T คือ ยุคดิจิทัล
– บทความเรื่อง “แนวทางการสื่อสารการท่องเที่ยวผ่านเพจเรือนไทยบางแม่หม้ายโฮมสเตย์ในสถานการณ์โควิด-19” K คือ การท่องเที่ยว / O คือ (แนวทาง) การสื่อสาร / A คือ เพจเรือนไทยบางแม่หม้ายโฮมสเตย์ / T คือ
โควิด-19- บทความเรื่อง “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยซีรีส์วายในอุตสาหกรรมบันเทิง” K คือ ซีรีส์วาย / O คือ การ
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย / A คือ ในอุตสาหกรรมบันเทิง (ไทย) / T ไม่ปรากฏ
– บทความเรื่อง “จากสะพานอุตตามนุสรณ์ถึงสะพานไม้ไผ่ลูกบวบ :ภาพสะท้อนวิถีชีวิตชุมชนไทย-มอญ สองฝั่ง
แม่น้ำซองกาเลียที่เปลี่ยนแปลง” เพื่อให้เห็นกรอบการเขียนบทความที่ชัดเจนสามารถวางกรอบการเขียน
บทความ ได้คือ K คือ วิถีชีวิตชุมชนไทย – มอญ / O คือภาพสะท้อน (ที่เปลี่ยนแปลง) / A คือ สองฝั่งแม่น้ำ
ซองกาเลีย และ T คือ จากสะพานอุตตามนุสรณ์ ถึงสะพานไม้ไผ่ลูกบวบ เป็นต้น
– บทความวิชาการเรื่อง ภาพสะท้อนทางสังคมลาวจากอดีตสู่อนาคต: ศึกษาผ่านสถานภาพโรงภาพยนตร์ในนคร
หลวงเวียงจันทน์ K คือ สถานภาพโรงภาพยนตร์ / O คือภาพสะท้อนทางสังคม/ A คือ นครหลวเวียงจันทน์
/ T คือ อดีต – อนาคต
– บทความวิชาการ เรื่อง ความร่วมสมัยที่ปรากฏในการแสดงชั้นสูง “โขนศาลาเฉลิมกรุง” K คือ โขนศาลา
เฉลิมกรุง (การแสดงชั้นสูง) / O คือ ความร่วมสมัยที่ปรากฏ / A คือ ศาลาเฉลิมกรุง / T ไม่ปรากกฏ
– บทความวิชาการเรื่อง ฮูปเงาร่วมทุนไทย-ลาว “สบายดีหลวงพระบาง” : สื่อล่าอาณานิคมด้วยวัฒนธรรมยุค
โลกาภิวัตน์ K คือ ฮูปเงาร่วมทุนไทย-ลาว “สบายดีหลวงพระบาง” / O คือ สื่อล่าอาณานิคมด้วยวัฒนธรรม
/ A คือ ไทย-ลาว / T คือ ยุคโลกาภิวัตน์
การเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรมตามหลัก APA7th
หลักสำคัญของการเขียนบทความวิจัยและบทความวิชาการต้องให้ความสำคัญกับส่วนสุดท้ายที่จะเขียนคือการอ้างอิง และ
เขียนบรรณานุกรมตามมาตรฐานทางวิชาการ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละวารสารจะเลือกใช้มาตรฐานการอ้างอิงแบบใด ส่วนใหญ่ที่พบคือ
APA7th แนวทางคือ ถ้านำข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลใดไม่ว่าจะเป็นเอกสาร สิ่งพิมพ์ หรือเอกสาร ข้อเขียนออนไลน์ ต้องน่าเชื่อถือมี
แหล่งที่มาชัดเจน เป็นของหน่วยงานสถาบันที่เป็นที่ยอมรับ และการนำข้อมูลมาประกอบการเขียนต้องระมัดระวังเรื่อง plagiarism
ด้วย
ค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่บทความ
วารสารส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน / หน่วยงานเป็นผู้กำหนดและค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่ตีพิมพ์บาง
สถาบัน / หน่วยงานจะไม่เท่ากันกรณีเป็นคนใน-คนนอกสถาบันนั้นๆ ด้วย ตรงนี้ผู้เขียนต้องหาข้อมูลหรือสอบถามไปยังกอง
บรรณาธิการแต่ละวารสารและหากจะเบิกต้นสังกัดต้องศึกษาเกณฑ์การเบิกค่าเผยแพร่ตีพิมพ์วารสารแต่ละเกณฑ์ให้เข้าใจ
การส่งบทความเพื่อเผยแพร่ตีพิมพ์ ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่วารสารฯ นั้นๆ กำหนด
การลงวารสารบางฉบับต้องต่อคิวยาวนาน หรือบางฉบับประกาศรับบทความ และมีช่วงเวลาให้เขียนค่อนข้างนาน ดังนั้น
การส่งบทความเพื่อเผยแพร่ตีพิมพ์ในแต่ละวารสารต้องตรวจสอบเรื่องห้วงเวลาที่กำหนดด้วย และการเขียนบทความเกือบทุก
วารสารจะให้ส่งผ่านระบบการจัดการวารสารออนไลน์ (Thai Journals Online System :ThaiJo) ขณะที่ผู้เขียนอยู่ในขั้นตอนของ
การส่งบทความและติดตามความคืบหน้า ต้องเข้าทำในระบบนั้นๆ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าบทความ
ของตนเอง ซึ่งจะต้องอยู่ในกระทู้เดิม เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการสื่อสารกับผู้ประสานงานวารสารฯ